อากรแสตมป์เป็นภาษีอากรที่รัฐจัดเก็บจากประชาชน โดยใช้ในการประทับบนเอกสาร หนังสือ หรือสัญญา เพื่อแสดงว่าได้เสียภาษีอากรตามกฎหมายแล้ว อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอาจมีความจำเป็นต้อง “ขอคืนค่าอากรแสตมป์” จากการชำระไว้เกิน ตาม มาตรา 122 แห่งประมวลรัษฎากร ตัวอย่างเหล่านี้ จะช่วยเป็นเหตุผลสนับสนุนท่านในการพิจารณาขอคืนเงินค่าอากรแสตมป์
ตัวอย่างที่ 1 : หนังสือเลขที่ กค 0706/1345
ธนาคารฯ ได้ชำระอากรแสตมป์ จำนวน 1,500 บาท เงินเพิ่ม 9,000 บาท รวมเป็นเงิน 10,500 บาท
แต่ศาลฎีกาได้มี คำพิพากษาถึงที่สุดให้ธนาคารฯ ชำระอากรเพียง 500 บาท เงินเพิ่ม 3,000 บาท
รวมเป็นเงิน 3,500 บาท ดังนั้น ธนาคารฯ ซึ่งมีหน้าที่ต้องชำระอากรแสตมป์ได้เสียอากรแสตมป์เกินไป
กว่าที่ควรเสีย ธนาคารฯ จึงมีสิทธิขอคืนค่าอากรแสตมป์ที่ได้ชำระไปแล้วต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน
6 เดือนนับแต่วันเสียอากรหรือค่าเพิ่มอากรตาม มาตรา 122 แห่งประมวลรัษฎากร
ตัวอย่างที่ 2 : หนังสือเลขที่ กค 0802/8470
ผู้มีหน้าที่ต้องเสียอากรได้ เสียไว้เกินย่อมมีสิทธิขอคืนค่าอากรที่ชำระไว้เกินได้ โดยต้องยื่นคำร้อง (ค.10)
ขอคืนค่าอากรแสตมป์ ในกรณีนี้ภายในระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันเสียอากรตามนัยมาตรา 122 แห่งประมวลรัษฎากร
สำหรับเอกสารที่ต้องยื่นพร้อมกับคำร้องเพื่อขอคืนค่าอากรแสตมป์นั้น หากได้ทำหนังสือรับรองว่าตราสารใบหุ้น
ซึ่งได้เสียอากรแสตมป์เกินไปนี้ได้มีการปิดอากรแสตมป์ไว้ครบถ้วนแล้ว พร้อมทั้งส่งภาพถ่ายของตราสาร
ใบหุ้นดังกล่าวที่บุคคลดังกล่าวนั้นมีอยู่บางส่วนด้วย ก็ให้ถือว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่ใช้ประกอบ
ในการขอคืนอากรแสตมป์ในกรณีนี้ได้
ขอบคุณบทความจาก : สรรพากรสาส์น