You are currently viewing ประวัติศาสตร์ของ “อากรแสตมป์” ในประเทศไทย

ประวัติศาสตร์ของ “อากรแสตมป์” ในประเทศไทย

การเก็บ “อากรแสตมป์” เป็นหนึ่งในวิธีการจัดเก็บภาษีที่มีมาอย่างยาวนานในประเทศไทย โดยมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับรัฐเพื่อนำไปพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ การเก็บอากรแสตมป์เริ่มต้นขึ้นในยุคใดและมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างนั้น มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง 

จุดเริ่มต้นของ “อากรแสตมป์” ในประเทศไทย

การจัดเก็บอากรแสตมป์ในประเทศไทยเริ่มต้นขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศเริ่มเปิดรับการเปลี่ยนแปลงจากตะวันตก โดยมีการนำระบบภาษีสมัยใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐและรองรับการพัฒนาประเทศ โดยได้มีการออกพระราชบัญญัติว่าด้วยการเก็บอากรแสตมป์ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2446 (ค.ศ. 1903) ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้แสตมป์ดวงในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

วัตถุประสงค์ของการจัดเก็บ “อากรแสตมป์”

  1. เพิ่มรายได้ของรัฐ: เพื่อนำรายได้จากการเก็บอากรแสตมป์ไปใช้ในการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา และสาธารณสุข
  2. การควบคุมธุรกรรมทางการเงิน: เพื่อให้เอกสารหรือสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมทางการเงินมีความน่าเชื่อถือและถูกต้องตามกฎหมาย
  3. ลดการหลีกเลี่ยงภาษี: การติดอากรแสตมป์บนเอกสารทำให้รัฐสามารถควบคุมและตรวจสอบการทำธุรกรรมได้ง่ายขึ้น

พัฒนาการของ “อากรแสตมป์”

  • สมัยรัชกาลที่ 5 ถึง รัชกาลที่ 7: การจัดเก็บอากรแสตมป์ในประเทศไทยเริ่มต้นขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงนำแนวคิดการจัดเก็บภาษีจากต่างประเทศมาใช้เพื่อปรับปรุงระบบการคลังของประเทศให้ทันสมัยมากขึ้น การจัดเก็บอากรแสตมป์ครั้งแรกเริ่มในปี พ.ศ. 2440 โดยใช้วิธีการติดแสตมป์ดวงบนเอกสารทางราชการและเอกสารทางธุรกิจ เพื่อเป็นหลักฐานการชำระภาษี ระบบนี้ได้รับการออกแบบให้มีความโปร่งใสและช่วยเพิ่มรายได้ให้กับรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงแรกของการใช้อากรแสตมป์ รัฐบาลได้ออกแบบแสตมป์ให้มีความสวยงามและมีความปลอดภัยสูงเพื่อลดการปลอมแปลง นอกจากนี้ยังมีการกำหนดประเภทของเอกสารที่ต้องเสียอากรแสตมป์อย่างชัดเจน เช่น สัญญาเงินกู้ หนังสือมอบอำนาจ และตราสารเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
  • สมัยหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง (พ.ศ. 2475): หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปี พ.ศ. 2475 จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลไทยได้ปรับปรุงระบบการคลังและการจัดเก็บภาษีเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อากรแสตมป์จึงยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการจัดเก็บรายได้ของรัฐ การใช้อากรแสตมป์ในช่วงนี้มีการขยายขอบเขตครอบคลุมธุรกรรมและเอกสารทางกฎหมายที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคม โดยเฉพาะในด้านธุรกิจและการพาณิชย์ เช่น สัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ หนังสือมอบอำนาจ และสัญญาเงินกู้ที่มีมูลค่าสูงขึ้น รัฐบาลยังได้ปรับปรุงการออกแบบแสตมป์และระบบการตรวจสอบให้มีความปลอดภัยสูงขึ้น เพื่อลดการปลอมแปลงและเพิ่มความโปร่งใสในการจัดเก็บภาษี นอกจากนี้ยังมีการประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับความสำคัญและวิธีการใช้อากรแสตมป์อย่างถูกต้อง
  • ยุคดิจิทัล: เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและวิถีชีวิตของประชาชน รัฐบาลได้พัฒนาและเปิดตัวระบบอากรแสตมป์แบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Stamp Duty) ในปี พ.ศ. 2562 เพื่อลดความยุ่งยากในการจัดซื้อและติดแสตมป์แบบดวง รวมถึงตอบสนองนโยบาย Thailand 4.0 เพื่อส่งเสริมให้ภาครัฐและภาคธุรกิจในประเทศไทยยกระดับการทำงานด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน และในปัจจุบันนี้กรมสรรพากรได้ให้ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมเป็นผู้ให้บริการส่งข้อมูลขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงินแทนผู้ซื้อ (e-Stamp Duty Service Provider)

อากรแสตมป์แบบดวงและแบบอิเล็กทรอนิกส์

  • อากรแสตมป์แบบดวง: เป็นแสตมป์กระดาษที่ต้องติดบนเอกสารเพื่อแสดงการชำระภาษี โดยมักใช้กับเอกสารสัญญา หนังสือมอบอำนาจ และเอกสารการเงินอื่น ๆ
  • อากรแสตมป์แบบอิเล็กทรอนิกส์: เป็นระบบการชำระอากรแสตมป์ผ่านช่องทางออนไลน์ ช่วยลดขั้นตอนการดำเนินการและเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน สามารถตรวจสอบความถูกต้องของการชำระภาษีได้อย่างง่ายดาย

ความสำคัญของอากรแสตมป์ในปัจจุบัน

ในยุคปัจจุบัน อากรแสตมป์ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการเก็บภาษีของรัฐ โดยเฉพาะในการทำธุรกรรมทางกฎหมายและการเงิน การเปลี่ยนแปลงจากระบบแสตมป์ดวงไปสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและความต้องการของผู้ใช้บริการ

ประวัติความเป็นมาของอากรแสตมป์ในประเทศไทยสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวและพัฒนาของระบบภาษีไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน จากการเริ่มต้นใช้อากรแสตมป์แบบดวงในสมัยรัชกาลที่ 5 สู่การนำเทคโนโลยีมาพัฒนาระบบ e-Stamp Duty ในยุคดิจิทัล เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีของรัฐ อีกทั้งยังตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันได้อย่างเหมาะสม

สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอากรแสตมป์อิเล็กทรอนิกส็ได้ ที่นี่