อากรแสตมป์ เป็นภาษีประเภทหนึ่งที่เรียกเก็บจากการทำธุรกรรมทางกฎหมายและเอกสารตามที่กฎหมายกำหนด เช่น สัญญากู้ยืมเงิน สัญญาจ้างแรงงาน หรือหนังสือมอบอำนาจ เป็นต้น ซึ่งมีผลทางกฎหมาย และเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนหรือผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง บทความนี้จะรวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอากรแสตมป์ เพื่อเป็นแนวทางให้เข้าใจและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง



อากรแสตมป์คืออะไร?
อากรแสตมป์ (Stamp Duty) เป็นภาษีอากรประเภทหนึ่งที่เรียกเก็บโดยรัฐสำหรับเอกสารหรือสัญญาที่มีผลทางกฎหมาย อากรแสตมป์สามารถมาในรูปแบบของดวงตราแสตมป์กระดาษ (Stamp) หรือการประทับตราอิเล็กทรอนิกส์ (E-Stamp duty) เพื่อแสดงว่ามีการชำระภาษีที่เกี่ยวข้องแล้ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://gestampduty.com/stamp_duty/
เอกสารแบบไหนต้องเสียอากรแสตมป์?
ตามพระราชบัญญัติอากรแสตมป์ พ.ศ. 2481 เอกสารที่ต้องเสียอากรแสตมป์มีหลายประเภท เช่น:
- สัญญากู้ยืมเงิน
- สัญญาจ้างแรงงาน
- หนังสือมอบอำนาจ
- ใบมอบของ (เช่น การโอนทรัพย์สิน)
- หนังสือเช่าทรัพย์สิน (เช่น ที่ดิน อาคาร)
- สัญญารับจ้างทั่วไป
ทั้งนี้สามารถตรวจสอบรายการตราสารที่ต้องเสียอากรแสตมป์ทั้งหมดได้ที่ https://gestampduty.com/stamp_duty_rate/
ต้องเสียอากรแสตมป์ภายในกี่วัน?
โดยทั่วไป ต้องเสียอากรแสตมป์ ภายใน 15 วัน นับแต่วันทำตราสาร หรือวันที่เอกสารมีผลบังคับใช้ (แล้วแต่กรณี)
หากเป็นกรณีของตราสารที่ทำในต่างประเทศและนำมาใช้ในประเทศไทย ต้องเสียภายใน 30 วันนับแต่วันที่นำเข้ามาใช้ในประเทศ
การนับจำนวนวัน จะนับทุกวันไม่เว้นวันหยุด แต่ในกรณีที่วันสุดท้าย (วันที่ 15 สำหรับตราสารที่ทำในประเทศ หรือวันที่ 30 สำหรับตราสารที่ทำในประเทศ) เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ วันหยุดพิเศษของข้าราชการ จะเลื่อนวันสุดท้ายเป็นวันทำการราชการถัดไป
หากลืมเสียอากรแสตมป์ จะโดนปรับไหม?
หากไม่ชำระอากรแสตมป์ภายในกำหนด จะต้องเสีย เบี้ยปรับ และ เงินเพิ่ม ตามที่กฎหมายกำหนด คือ:
กรณีที่เกินกำหนดวันชำระ ไม่เกิน 90 วัน
- เงินเพิ่ม (ความรับผิดทางแพ่ง): 2 เท่าของจำนวนอากรที่ต้องชำระ ถ้าคำนวณแล้วน้อยกว่า 4 บาทจะต้องชำระ 4 บาท
- เบี้ยปรับ (ความรับผิดทางอาญา): ไม่เกิน 500 บาท
กรณีที่เกินกำหนดวันชำระ มากกว่า 90 วัน
- เงินเพิ่ม (ความรับผิดทางแพ่ง): 5 เท่าของจำนวนอากรที่ต้องชำระ ถ้าคำนวณแล้วน้อยกว่า 4 บาทจะต้องชำระ 10 บาท
- เบี้ยปรับ (ความรับผิดทางอาญา): ไม่เกิน 500 บาท
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://gestampduty.com/liability/
สามารถขอคืนอากรแสตมป์ได้หรือไม่?
สามารถขอคืนได้ในบางกรณี เช่น:
- ชำระอากรซ้ำซ้อน
- ชำระผิดพลาด
- ตราสารไม่มีผลใช้บังคับ (เช่น สัญญาถูกยกเลิกก่อนใช้)
โดยต้องยื่นคำร้องขอคืนภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ชำระ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://gestampduty.com/stamp-duty-refund
จะรู้ได้อย่างไรว่าเอกสารของเราต้องเสียอากรแสตมป์หรือไม่?
ควรตรวจสอบจากพระราชบัญญัติอากรแสตมป์ หรือปรึกษากรมสรรพากร หรือเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ เช่น www.rd.go.th หรือ www.gestampduty.com ซึ่งจะมีคู่มือและเนื้อหาเกี่ยวกับอากรแสตมป์
ถ้าตราสารเป็นไฟล์ดิจิทัล ต้องเสียอากรแสตมป์ไหม?
ต้องเสียเช่นกัน โดยสามารถชำระผ่านระบบ e-Stamp Duty ของกรมสรรพากร ซึ่งรองรับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ เช่น PDF, Word ที่มีลายเซ็นดิจิทัล
และถ้ามีจำนวนรายการที่ต้องชำระเป็นจำนวนมาก สามารถติดต่อใช้งานได้ที่ระบบ GeStamp Duty https://gestampduty.com/contact-us/
อากรแสตมป์ต่างจากภาษีประเภทอื่นอย่างไร?
- อากรแสตมป์ เป็น “ภาษีทางอ้อม” ที่เก็บจากตราสาร ไม่ได้คำนวณจากรายได้หรือกำไร
- มีผลเฉพาะกับเอกสารบางประเภทที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น
- ชำระครั้งเดียวในแต่ละตราสาร ไม่ใช่เป็นรายเดือนหรือรายปี
อากรแสตมป์ต้องติดบนเอกสารหรือไม่?
กรณีใช้อากรแสตมป์แบบกระดาษ ต้องซื้อดวงแสตมป์และติดบนเอกสาร ขีดค่า พร้อมเซ็นชื่อกำกับ
เมื่อติดอากรแสตมป์แล้ว ต้องขีดฆ่าบนดวงแสตมป์และระบุวันเดือนปี มิฉะนั้นจะถือว่ายังไม่ได้ใช้แสตมป์นั้นอย่างสมบูรณ์ หากลงวันเดือนปีเป็นเท็จมีโทษทางอาญา
แต่หากใช้อากรแสตมป์อิเล็กทรอนิกส์ จะใช้รหัสรับรอง (e-Stamp duty QR code) แทน และแนบเป็นหลักฐานประกอบตราสารอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะนำ QR Code นี้ใส่ในเอกสารหรือไม่ก็ได้
e-Stamp Duty คืออะไร?
คือ ตราสารแห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ (e-Stamp duty) ที่จัดทำข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่กรมสรรพกรจัดกำหนดขึ้นเพื่อให้ผู้เสียภาษีสามารถชำระอากรแสตมป์ผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งผ่านทางระบบของกรมสรรพากรและผ่านตัวแทน (service provider) โดยไม่ต้องซื้อดวงแสตมป์กระดาษอีกต่อไป มีความสะดวก ปลอดภัย และตรวจสอบได้ง่าย
หากกรอกข้อมูลผิดในระบบ GeStamp Duty สามารถแก้ไขได้ไหม?
สามารถแก้ไขได้ ก่อนชำระเงิน เท่านั้น โดยต้องแก้ไขข้อมูลแล้วนำเข้าระบบใหม่ และลบรายการเดิมที่ข้อมูลผิดออกจากระบบ หากชำระเงินแล้วจะไม่สามารถแก้ไขได้โดยตรง แต่สามารถยื่นคำร้องขอยกเลิกและขอคืนเงิน (หากเข้าเงื่อนไข) แล้วดำเนินการใหม่อีกครั้ง
ถ้ามีการทำสัญญาหลายฉบับที่มีเนื้อหาเหมือนกัน ต้องเสียอากรทุกฉบับหรือไม่?
กรณีใช้อากรแสตมป์แบบกระดาษ
- ถ้าต้นฉบับเสียอากรไม่เกิน 5 บาท สำเนาจะเสียอากรฉบับละ 1 บาท
- ถ้าต้นฉบับเสียอากรเกิน 5 บาท สำเนาจะเสียอากรฉบับละ 5 บาท
กรณีใช้อากรแสตมป์อิเล็กทรอนิกส์กับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ซื้ออากรแสตมป์เฉพาะต้นฉบับ
ถ้าใช้เอกสารภายในองค์กร เช่น ข้อตกลงระหว่างฝ่ายภายใน ต้องเสียอากรแสตมป์ไหม?
ขึ้นอยู่กับเนื้อหาและผลผูกพันทางกฎหมาย หากเป็นเอกสารที่สร้างพันธะระหว่างบุคคลหรือฝ่ายอย่างชัดเจน แม้จะอยู่ในองค์กรเดียวกัน ก็อาจเข้าข่ายต้องเสียอากร
เอกสารที่พิมพ์และเซ็นชื่อด้วยลายเซ็นดิจิทัล ถือว่าใช้ได้หรือไม่?
ถือว่าใช้ได้ และสามารถชำระอากรผ่านระบบ e-Stamp Duty ได้ตามปกติ ตราบใดที่ระบบลายเซ็นดิจิทัลเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
มีแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่ช่วยคำนวณอากรแสตมป์ไหม?
มีหลายแหล่ง เช่น:
- เว็บไซต์กรมสรรพากร
- แอป “RD Smart Tax”
เว็บไซต์ผู้ให้บริการระบบอากรแสตมป์ เช่น www.gestampduty.com ที่จะคำนวณค่าอากรให้ในทุกรายการ
การชำระอากรแสตมป์แบบเหมาจ่ายทำได้หรือไม่?
ไม่สามารถชำระแบบเหมาจ่ายได้ ต้องชำระตามจริงของตราสารแต่ละฉบับ โดยคิดตามมูลค่าหรือเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เช่น ตามวงเงินกู้หรือระยะเวลาเช่า
ใครเป็นผู้มีหน้าที่เสียอากรแสตมป์?
โดยทั่วไป ผู้มีหน้าที่ชำระคือ “ผู้รับผลประโยชน์” จากตราสาร เช่น ผู้ให้กู้ ผู้ให้เช่า หรือผู้รับจ้าง เป็นต้น หากมีการตกลงให้ฝ่ายใดเป็นผู้ชำระต้องระบุในสัญญาให้ชัดเจน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที
การยื่นประกอบการยื่นขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงินสำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทาง API ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง?
เอกสาร:
- แบบ ภ.อ.01.2
- ข้อตกลงในการจัดทำและยื่นรายการข้อมูลการเสียภาษีอากรผ่าน API
- กรณีธนาคารหรือนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานของรัฐ สำเนาหนังสือรับรองทะเบียนนิติบุคคล ไม่เกิน 6 เดือน (เซ็นสำเนาถูกต้องด้วยลายมือ พร้อมตราประทับ ถ้ามี)
- ในกรณีที่ลูกค้ามอบอำนาจให้จัดการ จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ เซ็นสำเนาถูกต้องด้วยลายมือ
เอกสารที่เป็นภาษาต่างประเทศต้องเสียอากรแสตมป์หรือไม่?
ต้องเสียหากนำมาใช้ในประเทศไทย และควรแนบฉบับแปลภาษาไทยพร้อมรับรองความถูกต้อง เพื่อความชัดเจนในการตีความและตรวจสอบ
หากไม่ได้เสียอากรแสตมป์ จะมีผลกระทบทางกฎหมายอย่างไร?
ตราสารที่ไม่เสียอากรจะไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานในศาลได้ และถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือของสัญญา และอาจมีค่าปรับย้อนหลัง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://gestampduty.com/liability/
หากไม่ได้เสียอากรแสตมป์ จะมีผลกระทบทางกฎหมายอย่างไร?
อากรแสตมป์ไม่สามารถหาซื้อได้ที่ไปรษณีย์หรือร้านสะดวกซื้อทั่วไป แต่ต้องซื้อที่สำนักงานกรมสรรพากร ร้านถ่ายเอกสาร หรือเครื่องเขียนบางแห่งเท่านั้น และปัจจุบันยังสามารถซื้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Stamp) ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากรได้ด้วย
การคำนวณค่าอากรแสตมป์ ใช้ยอดที่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่?
การคำนวณมูลค่าเพื่อเสียอากรแสตมป์ จะไม่นำภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มารวมด้วย เช่น สัญญามูลค่า 100,000 บาท มี VAT 7,000 บาท ให้คำนวณอากรแสตมป์จาก 100,000 บาทเท่านั้น
การเสียอากรแสตมป์อย่างถูกต้องและตรงเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ไม่เพียงเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ตราสารหรือสัญญาที่คุณทำมีผลบังคับใช้ทางกฎหมายอย่างสมบูรณ์ หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับเอกสารใด ๆ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือใช้ระบบอัตโนมัติที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อความสะดวกและลดความผิดพลาด
และถ้าต้องการซื้ออากรแสตมป์ปริมาณมากผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถติดต่อใช้งานระบบ GeStamp Duty ได้ที่ https://gestampduty.com/contact-us/