อากรแสตมป์เป็นภาษีอากรที่รัฐจัดเก็บจากประชาชน โดยใช้ในการประทับบนเอกสาร หนังสือ หรือสัญญา เพื่อแสดงว่าได้เสียภาษีอากรตามกฎหมายแล้ว อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีที่มีความจำเป็นต้อง “ขอคืนค่าอากรแสตมป์” จากการที่เสียค่าอากรแสตมป์โดยที่ไม่มีหน้าที่ต้องเสียค่าอากร ตามมาตรา 193/30 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตัวอย่างเหล่านี้ จะช่วยเป็นเหตุผลสนับสนุนท่านในการพิจารณาขอคืนเงินค่าอากรแสตมป์
ตัวอย่างที่ 1 : หนังสือเลขที่ กค 0706 (กม.)/2163
เมื่อผู้ขายได้ขายที่ดินไปใน ราคา 6,129,900 บาท และได้ชำระอากรแสตมป์จากราคาขายดังกล่าว
ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน แต่ผู้ขายนำเงินจากการขายที่ดินนี้ไปชำระหนี้ให้ธนาคารฯ จำนวน
5,000,000 บาท ผู้ขายจะได้รับยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับเงินได้ที่นำไปชำระหนี้แก่ธนาคารฯ เท่านั้น
ดังนั้น ผู้ขายจึงมีสิทธิขอคืนอากรแสตมป์สำหรับเงินได้จากการขายที่ดินและนำไปชำระหนี้จำนวน
5,000,000 บาท ภายในกำหนดเวลา 10 ปีนับแต่วันที่เสียอากรแสตมป์แล้ว ตามมาตรา 193/30
แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ตัวอย่างที่ 2 : หนังสือเลขที่ กค 0706/7564
การขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีกรมบังคับคดี เข้าลักษณะเป็นการโอนสิทธิหรือ
ก่อตั้งสิทธิใดๆ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ใบรับสำหรับการโอนสิทธิหรือก่อตั้งสิทธิใดๆ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
ผู้ออกใบรับจึงต้องติดอากรแสตมป์ 1 บาท สำหรับจำนวนเงินตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป ทุก 200 บาท หรือ
เศษของ 200 บาท ตามลักษณะตราสาร 28. (ข) แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ โดยเจ้าของทรัพย์
ที่ถูกขายทอดตลาดต้องชำระค่าอากรแสตมป์เป็นตัวเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีในวันที่ได้
ขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้น และให้เจ้าพนักงาน ดังกล่าวนำเงินค่าอากรแสตมป์ที่ได้รับชำระส่ง
สรรพากรพื้นที่สาขาในเขตท้องที่ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 21)
เรื่องกำหนดวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินแทนการปิดแสตมป์อากรสำหรับตราสาร 28. (ข)
แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ลงวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2525 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
เกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 43) ลงวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2545 เมื่อข้อเท็จจริง ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์
ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาดดังกล่าวและคดีถึงที่สุดแล้ว กรณีดังกล่าวจึงไม่มีการโอนสิทธิหรือ
ก่อตั้งสิทธิใดๆ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้น และไม่มีกรณีต้องออกใบรับตามลักษณะแห่งตราสาร 28. (ข)
แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ นาง ค. จึงไม่มีหน้าที่ต้องชำระค่าอากรแสตมป์ตามมาตรา 103 แห่งประมวลรัษฎากร
เมื่อนาย ง. ได้ชำระค่าอากร แสตมป์เป็นตัวเงินแทนผู้ขายสำหรับตราสารใบรับไว้ก่อนแล้ว นาย ง.
มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนค่าอากรแสตมป์ได้ภายใน 10 ปีนับแต่วันชำระค่าอากรแสตมป์ตามมาตรา 193/30
แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยยื่นคำร้องขอคืนเงินภาษีอากรตามแบบ ค.10 ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่
ตัวอย่างที่ 3 : หนังสือเลขที่ กค 0706 (กม.01)/1023
กรณีการโอนอสังหาริมทรัพย์ ได้มีการเสียอากรแสตมป์ไปแล้วสeหรับใบรับจากการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับยกเว้น
อากรแสตมป์ จึงเป็นการเสียอากรแสตมป์โดยไม่มีหน้าที่ต้องเสีย จึงมีสิทธิขอคืนค่าอากรได้ภายใน 10 ปีนับแต่
วันเสียค่าอากรแสตมป์ตามมาตรา 193/30 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ตัวอย่างที่ 4 : หนังสือเลขที่ กค 0811/3376
กรณีขายอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/2 (6) แห่งประมวลรัษฎากร
ใบรับจากการโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียอากรแสตมป์ตามลักษณะตราสาร 28. (ข)
แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534
มาตรา 13 ดังนั้น หากได้ชำระค่าอากรแสตมป์เป็นตัวเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีในวันที่ได้
ขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์ จึงเป็นการเสียอากรโดยไม่มีหน้าที่ต้องเสียตามกฎหมาย จึงมีสิทธิยื่นคำร้อง
ขอคืนค่าอากรภายใน 10 ปีนับแต่วันที่เสียอากร
ตัวอย่างที่ 5 : หนังสือเลขที่ กค 0702 (กม.09)/797 และ กค 0706/(กม.08)/3443
การทำสัญญาที่มีผลสมบูรณ์ ตามมาตรา 367 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สัญญาดังกล่าวจึงเข้าลักษณะ
เป็นตราสารที่ต้องปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ตามมาตรา 103 และมาตรา 104 แห่งประมวลรัษฎากร
การยกเลิกสัญญาดังกล่าวภายหลังไม่ทำให้กรมสรรพากรเสียสิทธิในการเรียกเก็บอากรแสตมป์
ตามประมวลรัษฎากรสำหรับสัญญาดังกล่าวแต่อย่างใด
ตัวอย่างที่ 6 : หนังสือเลขที่ กค 0811/ก.62
เมื่อห้างฯ ได้ลงลายมือชื่อในสัญญาเพียงฝ่ายเดียว สัญญาดังกล่าวจึงมิใช่การกระทำตราสารที่อยู่ในบังคับ
ต้องเสียอากรแสตมป์ตามมาตรา 103 แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อห้างฯ ได้เสียอากรไปแล้วโดย
ไม่มีหน้าที่ต้องเสีย ห้างฯ จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนค่าอากรได้ภายใน 10 ปีนับแต่วันเสียอากรตามมาตรา
193/30 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ตัวอย่างที่ 7 : หนังสือเลขที่ กค 0811/10579
บริษัทฯ ได้ทำสัญญารับจ้างก่อสร้างอาคารเรียนกับส่วนราชการก่อนที่ผู้มีอำนาจจะอนุมัติการจ้าง ซึ่งส่วนราชการ
ผู้ว่าจ้างไม่อาจลงลายมือชื่อในสัญญาได้ เพราะไม่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงต้นสังกัด แต่บริษัทฯ
ได้ชำระอากรเป็นตัวเงินสำหรับสัญญาดังกล่าวไว้ก่อนแล้ว ดังนั้น สัญญาจ้างทำของดังกล่าว
จึงมิใช่การกระทำตราสารที่อยู่ในบังคับต้องเสียอากรแสตมป์ตามมาตรา 103 แห่งประมวลรัษฎากร
เมื่อบริษัทฯ ได้ชำระอากรเป็นตัวเงินสำหรับสัญญาดังกล่าวไว้ก่อนแล้ว โดยไม่มีหน้าที่ต้องชำระ บริษัทฯ
มีสิทธิยื่นคำร้องขอคืนค่าอากรได้ภายใน 10 ปีนับแต่วันชำระอากรตามมาตรา 193/30
แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ตัวอย่างที่ 8 : หนังสือเลขที่ กค 0706/7564
ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและคดีถึงที่สุดแล้ว กรณีดังกล่าวจึงไม่มีการโอนสิทธิ
หรือก่อตั้งสิทธิใดๆ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้น และไม่มีกรณีต้องออกใบรับตามลักษณะแห่ง ตราสาร 28. (ข)
แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ผู้ขายจึงไม่มีหน้าที่ต้องชำระค่าอากรแสตมป์ตามมาตรา 103 แห่งประมวลรัษฎากร
เมื่อผู้ซื้อได้ชำระค่าอากรแสตมป์เป็นตัวเงินแทนผู้ขายสำหรับตราสารใบรับไว้ก่อนแล้ว ผู้ซื้อมีสิทธิยื่นคำร้อง
ขอคืนค่าอากรแสตมป์ได้ภายใน 10 ปีนับแต่วันชำระค่าอากรแสตมป์ ตามมาตรา 193/30 แห่งประมวลกฎหมาย-
แพ่งและพาณิชย์ โดยยื่น คำร้องขอคืนเงินภาษีอากรตามแบบ ค.10 ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่
ขอบคุณบทความจาก : สรรพากรสาส์น