Categories: Stamp Duty

10 เรื่องลับเกี่ยวกับอากรแสตมป์ในประเทศไทยที่หลายคนไม่รู้

แม้ชื่อ “อากรแสตมป์” จะฟังดูคล้ายกับแสตมป์ไปรษณีย์ และหน้าตาก็อาจใกล้เคียงกันจนหลายคนสับสน แต่ในความเป็นจริงแล้ว อากรแสตมป์มีบทบาทเฉพาะทางด้านภาษีที่สำคัญอย่างยิ่งในระบบกฎหมายและการเงินของประเทศไทย เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดให้ใช้บนตราสารหรือเอกสารทางกฎหมายบางประเภท เพื่อแสดงว่ามีการชำระภาษีถูกต้องตามกฎหมาย

ถึงแม้อากรแสตมป์จะเกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางกฎหมายโดยตรง แต่คนทั่วไปกลับรู้จักมันน้อยมาก หรือเข้าใจคลาดเคลื่อนไปในหลายแง่มุม บางคนไม่รู้ว่าจะหาซื้อได้ที่ไหน ใช้อย่างไร หรือแม้แต่สิ่งพื้นฐานอย่างวิธีขีดฆ่าหลังใช้งาน

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 10 เรื่องลับเกี่ยวกับอากรแสตมป์ในประเทศไทยที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน ตั้งแต่ที่มา วิธีการใช้ ไปจนถึงบทลงโทษทางกฎหมายที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าคุณเคยเซ็นเอกสารสัญญาใด ๆ ในชีวิต นี่คือความรู้ที่คุณควรมีติดตัวไว้!

1. อากรแสตมป์ไม่ใช่แสตมป์ไปรษณีย์

แม้จะมีหน้าตาคล้ายกัน มีรอยปรุและราคากำกับเหมือนกัน แต่ “อากรแสตมป์” ใช้สำหรับเสียภาษีบนตราสารหรือสัญญา ไม่สามารถนำไปใช้ส่งจดหมายหรือซื้อขายแลกเปลี่ยนกับนักสะสมแสตมป์ไปรษณีย์ได้

2. สถานที่จำหน่ายจำกัด

อากรแสตมป์ไม่สามารถหาซื้อได้ที่ไปรษณีย์หรือร้านสะดวกซื้อทั่วไป แต่ต้องซื้อที่สำนักงานกรมสรรพากร ร้านถ่ายเอกสาร หรือเครื่องเขียนบางแห่งเท่านั้น และปัจจุบันยังสามารถซื้อแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Stamp) ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากรได้ด้วย

3. โรงพิมพ์เดียวกับธนบัตร

อากรแสตมป์ของไทยพิมพ์โดยโรงพิมพ์ธนบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้มีคุณภาพและมาตรฐานการปลอมแปลงที่สูงเทียบเท่าธนบัตร

4. มี QR Code ระบุปีที่ออก

อากรแสตมป์รุ่นใหม่มี QR Code ระบุปีที่ออก เพื่อป้องกันการนำแสตมป์เก่ามาใช้ย้อนหลัง และเพิ่มความปลอดภัยในการตรวจสอบ

5. ต้องขีดฆ่าแสตมป์หลังใช้งาน

เมื่อใช้อากรแสตมป์แล้ว ต้องขีดฆ่าบนดวงแสตมป์และระบุวันเดือนปี มิฉะนั้นจะถือว่ายังไม่ได้ใช้แสตมป์นั้นอย่างสมบูรณ์ หากลงวันเดือนปีเป็นเท็จมีโทษทางอาญา

6. ใช้กับตราสาร 28 ประเภท

ตราสารหรือเอกสารที่ต้องใช้อากรแสตมป์มีทั้งหมด 28 ประเภท เช่น สัญญาเช่า สัญญากู้ยืมเงิน สัญญาค้ำประกัน ใบรับของ ฯลฯ ซึ่งแต่ละประเภทจะมีอัตราและวิธีการเสียอากรแตกต่างกัน

7. กำหนดเวลาต้องเสียภาษี

ต้องเสียอากรแสตมป์ภายใน 15 วันหลังจากทำตราสารเสร็จสมบูรณ์ หากเป็นตราสารที่ทำในต่างประเทศแล้วนำเข้ามาไทย ต้องเสียภายใน 30 วัน

8. ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม

การคำนวณมูลค่าเพื่อเสียอากรแสตมป์ จะไม่นำภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มารวมด้วย เช่น สัญญามูลค่า 100,000 บาท มี VAT 7,000 บาท ให้คำนวณอากรแสตมป์จาก 100,000 บาทเท่านั้น

9. มีบทลงโทษทั้งแพ่งและอาญา

หากไม่ติดอากรแสตมป์ หรือทำไม่ถูกต้อง จะไม่สามารถนำเอกสารนั้นไปใช้ในทางกฎหมายได้ และยังมีโทษปรับหรือจำคุก เช่น หากพบว่าไม่ติดอากรแสตมป์เกิน 15 วัน ต้องเสียเงินเพิ่มอากร 2 เท่าของจำนวนอากร หรือเงิน 4 บาท แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า

10. อากรแสตมป์มีเพียง 3 ราคาและ 3 สี

ปัจจุบันอากรแสตมป์มีเพียง 3 ราคา คือ 1 บาท (สีน้ำเงิน), 5 บาท (สีเขียว), และ 20 บาท (สีแดง) โดยมีขนาดมาตรฐาน 2 x 3 ซม. และตรงกลางเป็นรูปพระอุเทนทราธิราชทรงพิณ ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของกรมสรรพากร

เรื่องเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า “อากรแสตมป์” มีรายละเอียดและความสำคัญมากกว่าที่หลายคนเข้าใจ และยังมีข้อกำหนดเฉพาะที่ผู้ใช้ควรศึกษาอย่างถี่ถ้วนเพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายในอนาคต

Wekij

Recent Posts

เอกสารที่เป็นภาษาต่างประเทศต้องเสีย อากรแสตมป์ หรือไม่?

การทำธุรกรรมทางกฎหมายในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศ แต่มีการติดต่อทางธุรกิจระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้หลายครั้งเราต้องพบกับ เอกสารหรือสัญญาที่จัดทำเป็นภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ จีน หรือญี่ปุ่น คำถามที่ผู้ประกอบการ นักลงทุน หรือแม้แต่บุคคลทั่วไปมักสงสัยก็คือ “เมื่อใช้เอกสารที่เป็นภาษาต่างประเทศในประเทศไทย ต้องเสีย อากรแสตมป์…

2 weeks ago

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ อากรแสตมป์

อากรแสตมป์ เป็นภาษีประเภทหนึ่งที่เรียกเก็บจากการทำธุรกรรมทางกฎหมายและเอกสารตามที่กฎหมายกำหนด เช่น สัญญากู้ยืมเงิน สัญญาจ้างแรงงาน หรือหนังสือมอบอำนาจ เป็นต้น ซึ่งมีผลทางกฎหมาย และเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนหรือผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง บทความนี้จะรวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอากรแสตมป์ เพื่อเป็นแนวทางให้เข้าใจและปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง อากรแสตมป์คืออะไร? อากรแสตมป์ (Stamp Duty)…

3 months ago

อากรแสตมป์ คืออะไร?

อากรแสตมป์ เป็นภาษีอากรที่มีความสำคัญในระบบกฎหมายและเศรษฐกิจของประเทศ โดยเป็นค่าธรรมเนียมที่รัฐเรียกเก็บสำหรับการใช้เอกสารทางกฎหมายหรือธุรกรรมทางการเงินที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย การเสียอากรแสตมป์ช่วยให้รัฐสามารถควบคุมและตรวจสอบธุรกรรมที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของเอกสารและลดปัญหาการปลอมแปลง ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับอากรแสตมป์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของความหมาย ความสำคัญ อัตราภาษี วิธีการชำระ และผลกระทบจากการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย ความหมายของ อากรแสตมป์ อากรแสตมป์ (Stamp…

7 months ago

ปริมาณการใช้ “อากรแสตมป์อิเล็กทรอนิกส์” ในต่างประเทศ

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในภาคเศรษฐกิจและการบริหารภาษี หลายประเทศทั่วโลกได้ปรับเปลี่ยนการใช้อากรแสตมป์แบบดั้งเดิมไปสู่ "อากรแสตมป์อิเล็กทรอนิกส์" เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินและภาษี โดยบทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณและสัดส่วนการใช้งานอากรแสตมป์อิเล็กทรอนิกส์ในแต่ละประเทศ รวมถึงแนวโน้มและความเปลี่ยนแปลงในอนาคต สิงคโปร์ สิงคโปร์เป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบอากรแสตมป์อิเล็กทรอนิกส์ โดยมีการใช้งาน e-Stamp Duty คิดเป็นกว่า 95% ของการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอากรแสตมป์ทั้งหมด…

7 months ago

ความแตกต่าง “อากรแสตมป์” แบบดวง และ แบบอิเล็กทรอนิกส์

การชำระ ​​"อากรแสตมป์" เป็นภาระภาษีที่สำคัญในการทำธุรกรรมทางกฎหมายและการเงินในประเทศไทย ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก คือ อากรแสตมป์แบบดวง (Physical Stamp Duty) และอากรแสตมป์แบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Stamp Duty) ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน…

7 months ago

ประวัติศาสตร์ของ “อากรแสตมป์” ในประเทศไทย

การเก็บ "อากรแสตมป์" เป็นหนึ่งในวิธีการจัดเก็บภาษีที่มีมาอย่างยาวนานในประเทศไทย โดยมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับรัฐเพื่อนำไปพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ การเก็บอากรแสตมป์เริ่มต้นขึ้นในยุคใดและมีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างนั้น มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง จุดเริ่มต้นของ "อากรแสตมป์" ในประเทศไทยการจัดเก็บอากรแสตมป์ในประเทศไทยเริ่มต้นขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศเริ่มเปิดรับการเปลี่ยนแปลงจากตะวันตก โดยมีการนำระบบภาษีสมัยใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐและรองรับการพัฒนาประเทศ โดยได้มีการออกพระราชบัญญัติว่าด้วยการเก็บอากรแสตมป์ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2446…

8 months ago

This website uses cookies.